ปราสาทวัดโคกงิ้ว อำเภอปะคำ จ.บุรีรัมย์อยู่บนทางสายนางรอง-ปะคำ (ทางหลวงหมายเลข348) ก่อนถึงอำเภอปะคำ 3 กิโลเมตร เป็นโบราณสถานสมัยขอม ด้านหลังวัดโคกงิ้ว น่าไปเที่ยวชมมากเลยทีเดียว.........
ศิลปวัฒนธรรมอีสาน
ศิลปวัฒนธรรมอีสาน
วันพฤหัสบดีที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2554
งานประเพณีแห่เทียนพรรษา
จากการสอบถามผู้เฒ่าผู้แก่ ได้ความว่า ชาวอุบลราชธานี ได้ทำต้นเทียนประกวดประชันความวิจิตรบรรจงกัน ตั้งแต่ พ.ศ.2470 จนเมื่อปี พ.ศ.2520 จังหวัดอุบลราชธานี ได้จัดงานสัปดาห์ประเพณีแห่เทียนพรรษา ให้เป็นงานประเพณีที่ยิ่งใหญ่และมโหฬาร สถานที่จัดงานคือ บริเวณทุ่งศรีเมืองและศาลาจตุรมุข มีการประกวดต้นเทียน 2 ประเภท คือ ประเภทติดพิมพ์ และประเภทแกะสลัก โดยขบวนแห่จากคุ้มวัดต่างๆ พร้อมนางฟ้าประจำต้นเทียน จะเคลื่อนขบวนจาก หน้าวัดศรีอุบลรัตนาราม ไปตามถนน มาสิ้นสุดขบวนที่ทุ่งศรีเมือง และการแสดงสมโภชต้นเทียน แลเป็นแสงไฟต้องลำเทียนงามอร่ามไปทั้งงาน ซึ่งตั้งแต่ปี พ.ศ.2542 เป็นต้นมา งานประเพณีแห่เทียนพรรษาจังหวัดอุบลราชธานี มีชื่องานแต่ละปี ท่านใดที่สนใจสามารถไปเที่ยวชมได้ในวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 8 แรม 1 ค่ำเดือน 8 หรือวันอาสาฬหบูชา และวันเข้าพรรษา จัดขึ้นทุกปี สวยงามตระการตามากเลยครับ ไปมาแล้วลองไปเที่ยวกันดูนะครับ
จักสานครุน้อยบ้านสะอาง
ชาวบ้านตำบลห้วยเหนือมีทักษะในการจักสานไม้ไผ่เป็นเครื่องใช้ต่างๆมาแต่ดั้งเดิม เช่น ครุ ไว้สำหรับตักน้ำภายในครัวเรือน ต่อมาได้เริ่มการสานครุขนาดเล็กๆ และนำไปขายที่ อำเภอ ขุขันธ์ มีรายได้ดี เพื่อนบ้านใกล้เคียงจึงหัดทำจึงเกิดการรวมกลุ่มกันเอง เมื่อปี พ.ศ. 2537 เพื่อสร้างรายได้เสริม และเป็นการอนุรักษ์ครุไว้เป็นมรดก ทางวัฒนธรรมแก่คนรุ่นหลังได้รู้จัก ปัจจุบันแปรรูปได้หลายขนาด และประดิษฐ์ของที่ระลึก ของชำร่วย เช่น กรอบรูป ที่ติดเสื้อ ต่างหู ที่ติดผม และอีกมากมาย
ผ้าไหมมัดหมี่บ้านสวนฝ้าย
ผ้าไหมมัดหมี่บ้านสวนฝ้าย ตำบลสำโรง อำเภออุทุมพรพิสัย จังหวัดศรีสะเกษ สืบทอดมาจากบรรพบุรุษจากรุ่นสู่รุ่น การผลิตผ้าไหมมัดหมี่ของบ้านสวนฝ้ายแต่เดิม เริ่มจากการปลูกต้นหม่อนเพื่อใช้เป็นอาหารของตัวไหม และเลี้ยงตัวไหมในกระด้ง(ภาชนะที่สานด้วยไม้ไผ่ลักษณะวงกลมพื้นที่ประมาณ๑#๑ ม.) เพื่อผลิตเส้นไหมเอง และไหมที่ได้เรียกว่า “ไหมบ้าน” มีลักษณะเส้นไม่เรียบเป็นตะปุ่มตะป่ำ ใช้สำหรับทอผ้าซิ่น ผ้าโสร่ง ผ้าขาวม้า โดยการทอมือ การวาดลวดลาย สีสันบนผ้า ได้รับอิทธิพลมาจากขนบธรรมเนียมประเพณี ความเชื่อ วัฒนธรรมในการดำเนินชีวิต ค่านิยมในสังคมที่มีการสืบทอดกันมาจากกลุ่มชุมชนต้นกำเนิด
นอกจากผ้าไหมที่ผลิตเพื่อใช้ในครอบครัวแล้วยังใช้เป็นของขวัญ(เครื่องสมมา) ในงานมงคลสมรส แล้วยังใช้เป็นของขวัญของฝากสำหรับญาติพี่น้อง เพื่อนฝูง คนรู้จักคนที่เคารพนับถือ และปัจจุบันได้พัฒนาลวดลายและคุณภาพรูปแบบผลิตภัณฑ์ให้มีความทันสมัย ทำให้ผลิตภัณฑ์ผ้าไหมมีมูลค่าเพิ่ม เป็นที่ต้องการของตลาดมากขึ้น
เกวียนน้อยบ้านใจดี
“เกวียน” หมายถึง พาหนะที่ชาวเมืองขุขันธ์ในอดีต ใช้เป็นพาหนะสำหรับการเดินทางและบรรทุกสัมภาระ หรือสิ่งของ เช่น บรรทุกผลผลิตทางการเกษตร เพราะสมัยก่อน เมืองขุขันธ์มีมีรถยนต์ รถจักรยานยนต์ ใช้สำหรับเป็นพาหนะในการเดินทาง ใช้วัว 2 ตัว เป็นแรงงานลากจูงแทนคน และเครื่องจักรสมัยก่อน ครอบครัวที่มีอันจะกินหรือข้าราชการเท่านั้นที่จะมีเกวียนใช้ในครอบครัว
เกวียนน้อยบ้านใจดี ได้ก่อกำเนิดขึ้นเมื่อปี พ.ศ.2505 โดยนายอำเภอขุขันธ์ ได้นำเกวียนน้อยมาให้ชาวบ้านใจดีลองฝึกประดิษฐ์ดู ผลปรากฏว่าชาวบ้านใจดีมีความสนใจ สามารถประดิษฐ์ได้สวยงาน ต่อมาจึงได้จัดให้มีการประกวดการประดิษฐ์เกวียนน้อยขึ้น มีผู้เข้าแข่งขันประดิษฐ์เกวียนน้อยมากมาย ผู้ที่ชนะการประกวดในครั้งนั้น คือ คุณพ่อเกิด เตารัตน์ (ปัจจุบันถึงแก่กรรมแล้ว) หลังจากนั้นคุณพ่อเกิด เตารัตน์ ได้ประดิษฐ์เกวียนน้อยเพื่อการจำหน่าย สร้างรายได้แก่ครอบครัวเรื่อยมาจนเป็นที่รู้จักกันแพร่หลาย
ปี พ.ศ. 2523 ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ ได้จัดให้มีการฝึกอบรมการประดิษฐ์เกวียนน้อยให้กับเยาวชนบ้านใจดี และชาวตำบลใกล้เคียง ที่มีความสนใจเข้ารับการฝึกอบรมจำนวน 30 คน โดยใช้งบประมาณของสำนักราชเลขาธิการ มีคุณพ่อ เกิด เตารัตน์ เป็นวิทยากร ปัจจุบันมีผู้ผ่านการฝึกอบสามารถผลิตเกวียนน้อยได้ และยังมีชีวิตอยู่ คือ นายสมเกียรติ เตารัตน์, นายหวน ไกลถิ่น และ นายหยาด เทพแสง
ปัจจุบันกลุ่มประดิษฐ์เกวียนน้อยบ้านใจดีตั้งอยู่บ้านเลขที่ 324 หมู่ที่ 1 ตำบลใจดี มีนายสมเกียรติ เตารัตน์ เป็นประธานกลุ่ม มีสมาชิก 30 คน สมาชิกสามารถผลิตเกวียนน้อยจำหน่ายให้เกิดรายได้เสริมและสร้างชื่อเสียงให้กับชาวบ้านใจดี และอำเภอขุขันธ์เป็นอย่างดี อีกทั้งเป็นผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นสินค้าหนึ่งตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์ของอำเภอขุขันธ์ด้วย
ประเพณีแซนโฎนตา
ประเพณีแซ่นโฎนตา อำเภอขุขันธ์เดิมเป็นที่ตั้งของบริเวณเมืองขุขันธ์ ซึ่งเป็นเมืองเก่าแก่อายุกว่า 200 ปี เป็นที่ตั้งถิ่นฐานของคนไทยหลายเชื้อสาย หลายภาษา เช่น เขมร ลาว ส่วย เยอ จีน เป็นต้น มีจารีตประเพณีและวัฒนธรรมที่งดงามของท้องถิ่นอยู่เป็นจำนวนมาก และหนึ่งในจำนวนนั่นก็คือ ประเพณีแซ่นโฎนตา ซึ่งเป็นประเพณีการเซ่นไหว้บรรพบุรุษของคนไทยเชื้อสายเขมร โดยคนไทยกลุ่มดังกล่าวได้ยึดถือปฏิบัติมาตั้งแต่เดิม เนื่องจากอำเภอขุขันธ์มีคนไทยเชื้อสายเขมรอยู่เป็นจำนวนมาก บรรดาลูกหลานที่ไปทำงานต่างถิ่น จะกลับมาร่วมพิธีเซ่นไหว้ที่บ้านเป็นประจำทุกปี แต่การแซ่นโฎนตาได้กระทำกันในครอบครัว บางครอบครัวที่เป็นคนรุ่นใหม่เริ่มขาดความรู้ความเข้าใจในพิธีกรรมดังกล่าว ชาวอำเภอขุขันธ์จึงได้จัดงานประเพณีแซ่นโฎนตาขึ้นตั้งแต่ปี พ.ศ.2554 เป็นต้นมา เพื่อเป็นการสืบสาน พัฒนาและส่งเสริมวัฒนธรรม ประเพณีในท้องถิ่นให้เป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลาย ในปีนี้จะมีการจัดงานในวันที่ 26 กันยายน 2554 งานเริ่ม 08.00-20.00 น. มีขบวนแห่ที่สวยงาม ท่านใดที่สนใจก็สามารถไปร่วมงานได้ ที่ อ.ขุขันธ์ จ.ศรีสะเกษ นะครับ
ปราสาทตาเล็ง
ปราสาทตาเล็ง ตั้งอยู่หมู่ 6 บ้านปราสาท ตำบลกันทรารมย์ เป็นปรางค์องค์เดียวที่ตั้งอยู่บนฐาน องค์ปรางค์มีผนังเป็นรูปสี่เหลี่ยมสี่เหลี่ยมจัตุรัสย่อมุมไม้สิบสองหันหน้าไปทางทิศตะวันออก ปัจจุปันเหลือเพียงผนังด้านหน้าและผนังด้านข้างบางส่วน มีประตูเข้าเพียงประตูเดียวด้านหน้า อีกสามด้านเป็นประตูหลอก ที่สำคัญคือเสาติดผนังของประตูหน้าทั้งสองข้างยังคงมีลวดลายก้านขดสลักเต็มแผ่นอย่างสวยงาม สร้างขึ้นในราวพุทธศตวรรษที่ 16-17 นอกจากนี้บนพื้นรอบๆยังมีทับหลังวางอยู่หลายชิ้น ชิ้นหนึ่งวางอยู่หน้าประตูด้านทิศเหนือ สลักเป็นภาพพระอินทร์ทรงช้างในซุ้มเรือนแก้วเหนือหน้ากาล ซึ่งคายท่อนพวงมาลัยออกจากปากและยึดท่อนพวงมาลัยนั้นไว้ด้วยมือทั้งสองข้าง ทับหลังชิ้นอื่นๆลักษณะคล้ายกัน ทับหลังชิ้นหนึ่งมีแนวภาพตอนบนสลักเป็นรูปฤาษีนั่งเรียงกันในท่าสมาธิ 7 ตอน จากลักษณะทางสถาปัตยกรรม และศิลปกรรมที่ปรากฏ กล่าวได้ว่าปราสาทตาเล็ง สร้างขึ้นในศิลปะขอมแบบบาปวน ซึ่งมีอายุราว พ.ศ.1560-1630
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)